หน่วยที่ 6 อินเตอร์เน็ต

1. ความหมายและความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
คำว่าอินเทอร์เน็ต
มาจากคำเต็มว่า International Network หรือเขียนแบบย่อว่า
Internet หมายความว่า เครือข่ายนานาชาติหรือเครือข่ายสากล
คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน
โนปัจจุบันมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงกันอยู่มากกว่า 60 ล้านเครื่องมาเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน
การที่คอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันหลายชนิดจำนวนมากมายทั่วโลกเชื่อมโยงกันได้จะต้องใช้เกณฑ์วิธีหรือโพรโทคอล
(Protocol) เดียวกันจึงจะเข้ากัน
และเกณฑ์วิธีที่นำมาใช้กับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในปัจจุบันมีชื่อเรียกว่าทีซีพี/ไอพี
(TCP/IP)
2. ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีบทบาทและมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก
เพราะทำให้วิถีชีวิตเราทันสมัยและทันเหตุการณ์อยู่เสมอ
เนื่องจากอินเทอร์เน็ตจะมีการเสนอข้อมูลข่าวปัจจุบัน และสิ่งต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นให้ผู้ใช้ทราบเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน
สารสนเทศที่เสนอในอินเทอร์เน็ตจะมีมากมายหลายรูปแบบเพื่อสนองความสนใจและความต้องการของผู้ใช้ทุกกลุ่ม อินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศสำคัญสำหรับทุกคนเพราะสามารถค้นหาสิ่งที่ตนสนใจได้ในทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปค้นคว้าในห้องสมุด
หรือแม้แต่การรับรู้ข่าวสารทั่วโลกก็สามารถอ่านได้ในอินเทอร์เน็ตจากเว็บไซต์ต่าง
ๆ ของหนังสือพิมพ์
ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงมีความสำคัญกับวิถีชีวิตของคนเราในปัจจุบันเป็นอย่างมากในทุก
ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่อยู่ในวงการธุรกิจ ด้านการศึกษา ด้านการบันเทิง
ต่างก็ได้รับประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตด้วยกันทั้งนั้น
2.1 ด้านการศึกษา
อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
1) สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่น ๆ
ที่น่าสนใจ
2) ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
3) นักศึกษาสามารถใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อกับมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนอื่น
ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็นข้อความเสียง
ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ
2.2 ด้านธุรกิจและการพาณิชย์
อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
1) ค้นหาข้อมูลต่าง
ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
2) สามารถซื้อขายสินค้า ทำธุรกรรมผ่านระบบเครือข่าย
3) เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์
โฆษณาสินค้า ติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ
4) ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท
หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ
และสนับสนุนลูกค้าของตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ
สอบถามปัญหาต่างๆให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) โปรแกรมแจกฟรี (Freeware)
2.3 ด้านการบันเทิง
อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
1) การพักผ่อนหย่อนใจ
สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ
ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ที่เรียกว่า Magazine
Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่น ๆ
โดยมีภาพประกอบที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสารตามร้านหนังสือทั่ว ๆ ไป
2) สามารถฟังวิทยุหรือดูรายการโทรทัศน์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
3) สามารถดึงข้อมูล
(Download) ภาพยนตร์มาดูได้
3. ประโยชน์อินเทอร์เน็ต
ในการใช้อินเทอร์เน็ตนั้นก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้านด้วยกันสามารถสรุปที่สำคัญได้ดังนี้
1. ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร สะดวกและรวดเร็ว
2. ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ
ทั่วโลกได้
3. ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างระบบได้
4. สามารถส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ
5. ให้ความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เช่น
การฟังเพลง เล่นเกมส์ เป็นต้น
6. ใช้สื่อสารด้วยข้อความ
ซึ่งเป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ตโดยการพิมพ์ข้อความ โต้ตอบ
7. ใช้ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
8. ซื้อขายสินค้าและบริการ
4. การใช้อินเทอร์เน็ต
การใช้งานอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้สามารถใช้บริการจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
ที่เราเรียกว่า ไอเอสพี (ISP หรือ Internet
Service Provider)โดยการติดต่อขอใช้บริการผ่านตัวแทนไอเอสพีต่าง ๆ
ได้โดยตรง
สำหรับประเทศไทยเรามีไอเอสพีอยู่มากกว่า
15 แห่ง ซึ่งไอเอสพี
คือบริษัทหรือองค์กรที่ให้บริการทางด้านอินเทอร์เน็ต รวมถึงศูนย์คอมพิวเตอร์ของสถาบันการศึกษาด้วย
จะทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายจากประเทศไทยไปต่างประเทศ
โดยผ่านเครือข่ายดาวเทียมหรือสายใยแก้วนำแสงของการสื่อสารแห่งประเทศไทย ตัวอย่างไอเอสพีในประเทศไทย มีดังนี้
1) บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย
ชื่อเว็บไซต์ www.inet.co.th
2) บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ อินฟอร์เมชัน ชื่อเว็บไซต์ www.loxinfo.co.th
3) บริษัท เคเอสซี คอมเมอร์เชียล
อินเทอร์เน็ต ชื่อเว็บไซต์ www.ksc.net.th
4) บริษัท สามารถอินโฟเน็ต จำกัด
ชื่อเว็บไซต์ www.samart.co.th
5) บริษัท เอ-เน็ต จำกัด ชื่อเว็บไซต์ www.a-net.net.th
ถ้าเราต้องการใช้บริการจากตัวแทนของหน่วยงานใด
เราก็สามารถสมัครเป็นสมาชิกเพื่อใช้บริการอินเทอร์เน็ตนั้น โดยเสียค่าใช้จ่ายเป็นรายชั่วโมงหรือรายเดือนก็ได้
นอกจากนี้หลายบริษัทได้จัดทำชุดอินเทอร์เน็ตสำเร็จรูปออกจำหน่ายด้วย สามารถซื้อได้จากตัวแทนทั่วไป
5. ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การติดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้บริการต่างๆ จากอินเทอร์เน็ต
สามรถทำได้ 2 วิธี ดังนี้
1 . การติดต่อโดยใช้สายโทรศัพท์ผ่านอุปกรณ์โมเดม (Modem) ไปยังเอสไอพีที่เราเป็นสมาชิกอยู่ โมเดม คือ
อุปกรณ์แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณโทรศัพท์และแปลงสัญญาณโทรศัพท์ให้เป็นสัญญาณคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณแอนาล็อกผ่านสายโทรศัพท์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง
และขณะเดียวกันยังสามารถแปลงสัญญาณแอนาล็อกกลับเป็นสัญญาณดิจิทัลได้
โดยปกติเราใช้วิธีการนี้ติดต่อจากที่บ้านหรือที่ทำงานที่ไม่มีระบบเครือข่ายเชื่อมโยงถึง ความเร็วของการติดต่อขึ้นอยู่กับโมเด็ม ปัจจุบันมีความเร็วขนาด 64 กิโลบิตต่อวินาที1.1
2. การติดต่อผ่านเครือข่ายแลน
วิธีนี้จะสะดวกมากกว่าวิธีอื่นการรับส่งข้อมูลมีความเร็วสูง นิยมใช้ในหน่วยงานที่มีขนาดใหญ่ เช่น
มหาวิทยาลัย กระทรวง ทบวงกรมต่าง ๆ ใช้งานได้พร้อมกันครั้งละหลาย ๆ คน
โดยหน่วยงานเหล่านั้นจะต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายสัญญาณใยแก้วนำแสงหรือสายวงจรเช่า (leased line) กับไอเอสพี
6. องค์ประกอบของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การให้บริการอินเทอร์เน็ตมีหลายรูปแบบ
และมีการเปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา
สามารถสรุปที่มีการใช้ประโยชน์มากที่สุดดังต่อไปนี้
1) การให้บริการเวิลด์ไวด์เว็บ (World
Wide Web หรือ www) เป็นบริการระบบข่าวสารที่มีข้อมูลอยู่ทุกแห่งในโลก ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ
เหล่านั้น สามารถอยู่ในหลายรูปแบบแตกต่างกัน เช่น เอกสาร รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว
และเสียง เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงเป็นระบบสามารถสืบค้นได้ง่าย
2) การให้บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic
Mail หรือ E-mail) เป็นบริการรับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
หรืออีเมลล์ ซึ่งจดหมายเหล่านี้จะถูกส่งผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไปถึงผู้รับไม่ว่าอยู่ที่ใดในโลกอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาที
จดหมายที่ส่งจะเป็นข้อมูล เอกสาร รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ก็ได้
3) การแลกเปลี่ยนข่าวสารแบบกลุ่ม (Unsent
Newsgroup) เป็นบริการที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
และแสดงความคิดเห็นร่วมกันระหว่างผู้สนใจในเรื่องเดียวกัน
สามารถอภิปรายโต้ตอบกันได้ มีการจัดหัวข้อให้แสดงความคิดเห็นเป็นกลุ่ม ๆ เช่น
กลุ่มผู้สนใจด้านสิ่งแวดล้อม กลุ่มผู้สนใจด้านคอมพิวเตอร์
กลุ่มผู้สนใจด้านการเมือง และอื่น ๆ
ทุกคนจากทั่วโลกสามรถแสดงความคิดเห็นได้อย่างกว้างขวาง
4) การซื้อขายสินค้าและบริการ (Electronic
Commerce หรือ E-Commerce) เป็นบริการที่จัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต
เป็นธุรกิจที่นิยมในปัจจุบัน สามารถให้บริการได้ตลอด 24
ชั่วโมง ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถสืบค้นหาของที่ตนต้องการซื้อ ตรวจสอบราคา
รวมถึงรายละเอียดและการสั่งซื้อ ได้โดยตรงจากที่บ้านหรือสำนักงาน
5) การบริการการโอนถ่ายข้อมูล
(Internet Relay Chat หรือ IRC) เป็นบริการโอนถ่ายข้อมูลเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง
ๆ ทั่วโลก นำเสนอมาเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
ทำให้สามารถนำข้อมูลหรือโปรแกรมที่ต้องการจากเครือข่ายมาใช้งานได้
6) การสื่อสารโต้ตอบด้วยข้อความ (Internet
Relay Chat หรือ IRC) เป็นบริการที่ให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในส่วนต่าง
ๆ ของโลกสามารถติดต่อพูดคุย โต้ตอบด้วยข้อความผ่านระบบอินเทอร็เน็ต
เราสามารถพิมพ์ข้อความโต้ตอบระหว่างบุคคล 2 คน
หรือเป็นกลุ่มบุคคลพร้อมกันก็ได้เป็นการโต้ตอบในเวลาเดียวกันขณะนั่งทำงานที่เครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น โปรแกรมที่ใช้ที่นิยมกันมากในขณะนี้ได้แก่โปรแกรม
ไอซีคิว (ICO)
7. การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตหลายคนอาจเข้าสู่อินเทอร์เน็ตโดยผ่านทางระบบเครือข่ายของสำนักงาน บริษัท หรือสถานศึกษาของตน
ซึ่งตามปกติแล้วหากเป็นหน่วยงานหรือสำนักงานใหญ่ๆ จะต่อคอมพิวเตอร์เป็นระบบภายในองค์กร
(LAN)
ซึ่งมักจะเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ (ISP) ผ่านสายนำสัญญาณความเร็วสูง
(High-Speed Leased Line) แทนที่จะเชื่อมต่อผ่านโมเด็ม (Modem)
แต่ถ้าหากว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ในวง LAN ที่ไม่โตมากนักก็อาจใช้เชื่อมต่อผ่านโมเด็มก็ได้
เพราะจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อระบบ แต่อาจจะมีปัญหาในเรื่องความเร็ว
ในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตบ้างเล็กน้อย
การเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตผ่านทางผู้ให้บริการ
ผู้ให้บริการเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต เรียกว่า ISP
(Internet Service Provider)หรือที่เรียกกันว่า ไอเอสพี
จะเป็นองค์กรที่ทำการติดตั้งและดูแลเครื่องให้บริการ (Server) ที่ต่อตรงเข้ากับระบบ อินเทอร์เน็ต ซึ่งอนุญาตให้ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกขององค์กรนำระบบของตนเองเข้าไปเชื่อมต่อได้
ดังนั้น ISP ก็เปรียบเสมือนช่องทางผ่านเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต
ซึ่งหลังจากที่เราเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตได้แล้ว เราก็สามารถเข้าไปยัง
ส่วนใด ๆ ก็ได้ในระบบอินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อผ่านทาง ISP
ยังแบ่งลักษณะการเชื่อมต่อออกเป็น 2 ประเภท
ตามความต้องการ
ใช้งานดังนี้
1) การเชื่อมต่อแบบองค์กร
เป็นองค์กรที่มีการจัดตั้งระบบเครือข่ายใช้งานภายในองค์กรอยู่แล้ว
จะสามารถนำเครื่องแม่ข่าย (Server) ของเครือข่ายนั้นเข้าเชื่อมต่อกับ
ISP เพื่อเชื่อมโยง เข้าสู่ระบบ อินเทอร์เน็ตได้เลย
2) การเชื่อมต่อส่วนบุคคล
เป็นการเชื่อมต่อของบุคคลธรรมดาทั่วไปซึ่งสามารถขอเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่
อาจจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน เชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์ ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า
โมเดม (Modem)
ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก เรามักเรียกการเชื่อมต่อแบบนี้ว่า
การเชื่อมต่อแบบ Dial-Up โดยผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกของ ISP
เพื่อขอเชื่อมต่อผ่านทาง SLIP หรือ PPP
account
TCP/IP : ภาษาหลักในอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากทั่วโลก
แต่ละคนก็ใช้คอมพิวเตอร์ต่างแบบต่างรุ่นกัน
ดังนั้นการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องอาศัยภาษากลางที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้ากันกันได้
ซึ่งภาษากลางนี้มีชื่อทางเทคนิคว่า "โปรโตคอล" (Protocol)
สำหรับโปรโตคอลเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตมีชื่อเรียกว่า
TCP/IP ซึ่งได้แพร่หลายไปทั่วโลกพร้อม ๆ
กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
และเป็นโปรโตคอลที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
หลักการทำงานของโปรโตคอล TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่งไปยังเครื่องอื่นเป็นส่วนย่อย
ๆ (เรียกว่า แพ็คเก็ต : packet ) และส่งไปตามเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โดยการกระจายแพ็กเก็ตเหล่านั้นไปหลายทาง โดยในแต่ละเส้นทางจะไปรวมกันที่จุดปลายทาง
และถูกนำมารวมกันเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง
รูปแบบการทำงานของโปรโตคอล TCP/IP ที่มีการแบ่งข้อมูลและจัดส่งเป็นส่วนย่อย
จะสามารถช่วยป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในการติดต่อสื่อสารได้
เพราะถ้าข้อมูลสูญหายก็จะเกิดเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นมิใช่หายไปทั้งหมด
ซึ่งคอมพิวเตอร์ปลายทางสามารถตรวจหาข้อมูลที่สูญหายได้
และติดต่อให้คอมพิวเตอร์ต้นทางส่งเพียงเฉพาะข้อมูลที่หายไปมาใหม่ได้ โปรโตคอล TCP/IP
ถูกคิดค้นโดยรัฐบาลสหรัฐ
และถูกนำมาใช้กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพี่อป้องกัน ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้
เช่น ในกรณีที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ใหญ่ในรัฐใดรัฐหนึ่งถูกโจมตีจนได้รับความเสียหาย
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนที่เหลือก็ยังสามารถติดต่อถึงกันได้อยู่
เพราะข้อมูลจะถูกโอนย้ายไปตามเส้นทางอื่นในเครือข่ายแทน
SLIP/PPP : ช่วยสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์
ในการส่งข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ตนั้น
จำเป็นต้องส่งผ่านทั้งในระบบสายสัญญาณ 6 สาย ในระบบ LAN
และระบบสายโทรศัพท์ประกอบกัน ดังนั้นเพื่อให้การสื่อสารเป็นไปได้อย่างราบรื่น
จึงต้องมีโปรโตคอล เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งได้แก่ โปรโตคอล SLIP (Serial Line
Internet Protocol) และ PPP (Point-to-Point Protocol) ซึ่งทำงานบน TCP/IP อีกทีหนึ่ง
SLIP
โปรโตคอล SLIP ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้
TCP/IP สามารถสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์เพื่อส่งผ่านข้อมูลระหว่างระบบแลน
(LAN) กับระบบแวน (WAN) ได้ซึ่งก็ได้รับความนิยม
และเป็นที่ใช้ กันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในระบบ UNIX ได้นำโปรโตคอลนี้ติดตั้งไว้เป็นส่วนหนึ่งของระบบ
นั่นหมายความว่าทุกเครื่องที่ใช้ระบบ UNIX จะมีโปรโตคอล SLIP
อยู่ในตัวและสามารถใช้งานได้ทันที
PPP
เนื่องจากปรากฎว่าโปรโตคอล SLIP
เกิดมีปัญหาไม่เข้ากันกับโปรโตคอลบางตัวที่ระบบแลน (LAN) นั้นใช้อยู่เดิมจึงได้มีการพัฒนาโปรโตคอลขึ้นมาใหม่ในชื่อ PPP เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ดังนั้นPPP จึงเป็นโปรโตคอลที่สามารถใช้ร่วมกับโปรโตคอลอื่น
ๆ ได้ดี อีกทั้งยังเพิ่ม ระบบการตรวจสอบข้อมูล การรักษาความปลอดภัย
และการบีบอัดข้อมูลซึ่งทำงานได้ดีกว่า SLIP และก็คงถูกใช้เป็นมาตรฐานต่อไป
IP address : ระบุที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์
อาจสงสัยเกี่ยวกับการทำงานของอินเทอร์เน็ตว่า
รู้จักที่อยู่ของคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้อย่างไรลักษณะก็จะเหมือนกับเมื่อเราต้องการหาบ้านหลังหนึ่งในเมือง
ขนาดใหญ่ไห้พบ เราต้องทราบข้อมูล เช่น บ้านเลขที่ ถนน ตำบล เป็นต้น ในอินเทอร์เน็ต
ก็เช่นเดียวกัน เมื่อเราต้องการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
เราก็จะต้องการที่อยู่ของ เครื่องนั้นๆ บนอินเเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า ไอพี แอดเดรส
(IP
address)
IP
address เป็นหมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง
ซึ่งไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นในโลก โดยประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุดต่อกัน โดยมีจุด (.) เป็นสัญลักษณ์ แบ่งตัวเลขเป็นชุด
ซึ่งแต่ละชุดจะมีค่าได้ตั้งแต่ 0 ถึง 255
เนื่องจาก IP address เป็นหมายเลขที่ไม่ซ้ำกัน
จึงได้เกิดหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล เรื่องการจัดสรรIP address โดยตรง หน่วยงานนี้มีชื่อว่า interNIC (Internet Network
Information Center) สำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วๆไปจะได้รับ
IP address จากผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต (ISP :
Internet Service Provider) ซึ่งได้ทำการขอ IP address เตรียมไว้ ล่วงหน้าแล้ว
Domain
Name : อินเทอร์เน็ตแอตเดรส
ถึงแม้การทำงานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะใช้ IP
address แต่เนื่องจากเป็นชุดตัวเลขที่จดจำ ได้ยาก
ดังนั้นเพื่อแก้ปัญาหาดังกล่าง จึงได้มีการนำอินเทอร์เน็ตแอดเดรส หรือ
โดเมนเนมมาใช้ กล่าวคือการนำตัวอักษรที่จำได้ง่ายมาใช้แทน IP address อินเทอร์เน็ตแอตเดรสจะไม่ซ้ำกันและเพื่อสะดวกในการจดจำชื่อโดเมน
ดังนั้นโดเมนเนม มักนิยมตั้งให้สอดคล้องกับชื่อของบริษัท
หรือชื่อองค์กรผู้เป็นเจ้าของเหล่านี้เป็นต้น
แม้ว่าเราใช้โดเมนเนม แต่เนื่องจากรูปแบบการสื่อสารข้อมูลในอินเทอร์เน็ตใช้
IP
address จึงต้องมีการแปลงโดเมนเนมกลับไปเป็น IP address โดยจะมีการจัดตั้ง คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะที่มีชื่อเรียกว่า DNS
Serve
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น